โพสต์: 21 กุมภาพันธ์ 2556 อ่าน: 10,966 ครั้ง
การปลูกข้าวโพดหวาน 2 สี
ชื่อสามัญ : Sweet corn (bicolor)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zea mays var. rugosa
ลักษณะทั่วไป
ข้าวโพดจัดอยู่ในตระกูล Poaaceae (Graminae) เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ปลูกฤดูเดียว ลักษณะลำต้นเป็นปล้องสีเขียว มีจำนวน 8 – 20 ปล้องแข็งแรง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 – 4 เซนติเมตร สูงประมาณ 150 – 220 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวเรียวคล้ายใบหญ้า ซึงประกอบด้วยตัวใบ ก้านใบ และหูใบ สำหรับ สี ขนบนใบ ขนาดของใบจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
โดยทั่วไปดอกตัวผู้จะบานก่อนดอกตัวเมียและพร้อมจะผสมภายใน 1 – 3 วัน และทยอยบานทีละคู่ใช้เวลา 2 – 14 วัน ดอกตัวเมียมีลักษณะเป็นฝักจากแขนงสั้น ๆ บนข้อที่มีใบใหญ่สุด แขนงดังกล่าวประกอบด้วยใบ 8 – 13 ใบ เจริญเป็นกาบหุ้มส่วนของดอกตัวเมีย และหุ้มฝัก (husk) ก้านเกสรตัวเมียมีลักษณะคล้ายเส้นไหม เจริญออกมาด้านส่วนปลายฝัก ประกอบด้วยเมือกเหนียวเพื่อดักจับละอองเกสร
สภาพที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
ข้าวโพดหวานสองสีเป็นพืชที่ต้องการอากาศอบอุ่น อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกและการเจริญเติบโตควรอยู่ระหว่าง 21 – 30 ?C แต่ไม่ควรสูงเกิน 35 ?C อย่างไรก็ตามอุณหภูมิที่ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพอยู่ในช่วง 16 – 24 ?C การปลูกในสภาพอุณหภูมิสูง อัตราการเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นแป้งสูง (Polysaccharides) กระแสลมที่มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ และอุณหภูมิสูงจะทำให้เกสรไม่สมบูรณ์ อัตราการผสมเกสรต่ำหากสภาพแปลงปลูกมีความชื้นสูงเมล็ดอาจจะเน่าได้ หรือสภาพความชื้นสูงหรือต่ำเกินไป จะมีผลต่อการเจริญเติบโต ข้าวโพดหวานเป็นพืชวันสั้น ในสภาพที่ช่วงวันยาว (มากกว่า 13 ชั่วโมง/วัน) จะจำกัดการเจริญของดอกในบางสายพันธุ์
การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร
ข้าวโพดหวานจัดเป็นพืชที่ให้พลังงานสูงและมีปริมาณโปรตีนรองจากถั่วลันเตา ถั่วแขก และกระเทียม นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยธาตุอาหารที่สูง เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และไทอามีน นอกจากนี้พันธุ์ที่มี สีเหลืองมากๆ จะมีวิตามินเอสูง การใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ เช่น นึ่งหรือย่างทั้งฝัก นึ่งแล้วฝานผสมกับมะพร้าวขูดน้ำตาลทรายเล็กน้อย เกลือป่นทำเป็นข้าวโพดคลุกรับประทานเป็นอาหารว่าง ทำน้ำนมข้าวโพด ฝานดิบผสมกับเนื้อหมูสับ ไข่ แป้งสาลีแล้วทอดเป็นทอดมันข้าวโพด เป็นต้น
ขอขอบคุณ
- มูลนิธิโครงการหลวง
- สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
วิดีโอบน YouTube http://youtu.be/7ePZTS8ZQtM
“ไฮเดรนเยีย ช่อชั้น หลากสี พื้นถิ่นไม้หนาวนี้ พรั่งพร้อม งดงามอุทยานที่ ราชพฤกษ์ ขาวม่วงชมพูล้อม อีกฟ้างามตา”
พรรณไม้งามพระนามราชสกุลมหิดล ตอนที่ 1
กันภัยมหิดลเป็นไม้ประจำถิ่นของไทยเพียงแห่งเดียว ซึ่งพบครั้งแรกโดยอาจารย์เกษม จันทรประสงค์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์จิรายุพิน จันทรประสงค์ (เจิมศิริวัฒน์) ที่น้ำตกไทรโยคน้อย จังหวัดกาญจนบุรี
กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการปลูกเป็นการค้าแพร่หลายทั่วโลกมานานแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกุหลาบกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก ฯลฯ
พืชสกุลไฮเดรนเยีย (Hydrengea macophylla) มีอยู่ด้วยกันประมาณ 80 ชนิด ส่วนมากจะเป็นไม้พุ่ม