โพสต์: 10 พฤษภาคม 2555 อ่าน: 5,618 ครั้ง
|
ปีงบประมาณ 2553 เป็นการศึกษาวิจัยต่อเนื่อง จากปีงบประมาณ 2552 ในด้านการปรับปรุง สายพันธุ์เฮมพ์ต่อเนื่อง เพื่อให้ได้สายพันธุ์ ที่มีปริมาณสาร THC ต่ำลง การศึกษาเพื่อพัฒนา กลุ่มเกษตรกรในการผลิต แปรรูป และจำหน่ายเฮมพ์ ในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน การศึกษาเพื่อขยายผล โครงการนำร่องการส่งเสริมเฮมพ์ไปยังพื้นที่สูงอื่น ที่มีศักยภาพ โดยแบ่งเป็น 7 โครงการย่อย ดังนี้
|
2. การศึกษาวิธีเขตกรรม เพื่อเพิ่มผลผลิตเส้นใยเฮมพ์สายพันธุ์ THC ต่ำ ผลการศึกษาวิจัย พบว่า การปลูกเฮมพ์ด้วยวิธีเขตกรรม แบบระบบอินทรีย์ ทำให้พันธุ์แม่สาใหม่ มีการเจริญเติบโต ทางลำต้นสูง และให้เส้นใยมากกว่าพันธุ์อื่น
|
|
4. การปรับปรุงคุณภาพเส้นใยเฮมพ์ และการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ผลการศึกษาวิจัยทำให้ได้ เส้นใยเฮมพ์ที่ความนุ่ม และขาวนวล นำมาปั่นเป็นเส้นใยได้ 3 ขนาดตามที่กำหนด อีกทั้ง ยังสามารถปั่นร่วมกับ เส้นใยชนิดอื่นได้ดี และเมื่อนำไปย้อมสีธรรมชาติ ได้เส้นใยที่มีความคงทน ติดสีดี ไม่ตกสี นำไปทอร่วมกับ เส้นใยอื่นและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ได้
|
|
7. การวิจัยและพัฒนาเฮมพ์อย่างเป็นระบบ สู่วิสาหกิจชุมชน อย่างยั่งยืนในพื้นที่นำร่อง ทั้งในพื้นที่โครงการหลวง และโครงการขยายผลโครงการหลวง ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ได้รับอนุญาต จากกองควบคุมวัตถุเสพติด และใบอนุญาต มีไว้ในครอบครอง ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และจัดทำทะเบียน เกษตรกรผู้เข้าร่วมการปลูกเฮมพ์ ใน 5 พื้นที่โครงการหลวง คือ แม่สาใหม่ แม่แฮ อินทนนท์ ขุนวาง และปางอุ๋ง จำนวน 41 ราย 16.08 ไร่ และ 3 พื้นที่โครงการขยายผลโครงการหลวง คือ ถ้ำเวียงแก ปางหินฝน และป่ากล้วย จำนวน 43 ราย นอกจากนี้ คัดเลือกเกษตรกร เพื่อปลูกและแปรรูป เส้นใยให้เป็นผลิตภัณฑ์ เตรียมเข้าสู่การเป็นวิสาหกิจชุมชน |
ที่มา: สำนักวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) |
ภูมิปัญญาการสกัดน้ำมันจากพื้ชท้องถิ่น
ปัจจุบันภูมิปัญญาในการสกัดน้ำมันเริ่มสูญหายไป เหลือผู้เฒ่าผู้แก่ที่ทำเป็นอยู่ไม่กี่คน และบางส่วนเริ่มเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรสมัยใหม่
ซิมบีเดียมเป็นกล้วยไม้สกุลหนึ่งที่มูลนิธิโครงการหลวงได้นำมาศึกษาการปลูกเลี้ยงบนที่สูงตั้งแต่ พ.ศ.2515 เพื่อศึกษาและทดลองปลูกเลี้ยง
กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการปลูกเป็นการค้าแพร่หลายทั่วโลกมานานแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกุหลาบกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก ฯลฯ